เอกสารเตรียมสอบหลักกรรมสิทธิ์ที่ดิน
จ.อ.นิคม เภาพาน
หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต
จ.อ.นิคม เภาพาน
หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต
สรุปหลักกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
กรรมสิทธิ์ในที่ดินมีวิวัฒนาการมาจาก ทฤษฎี “สามัญชนทุกคนควรมีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดิน” ของ John Lock นักปราชญ์ชาวอังกฤษ เชื่อว่า “สิทธิความเป็นเจ้าของที่ดินเกิดจากแรงงานที่ผู้ใดใช้ในการทำที่ว่างเปล่าให้เป็นไร่ นา สวน ผู้ใดใช้แรงงานของตนทำไร่ นา สวน ย่อมเป็นเจ้าของที่นั้นโดยสิทธิเด็ดขาด ( Absolute) จะซื้อ หรือ จะสืบทอดเป็นมรดกได้ ( หากรัฐละเมิดสิทธินี้ก็เท่ากับ “โจรกรรม” เว้นแต่ กรณีพิเศษ เช่น เจ้าของที่ดินละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น หรือเบียดเบียนชาวบ้านส่วนรวม ซึ่งทฤษฎีของ John Lock เป็นพื้นฐานในการรับรอง “ความเป็นเจ้าของที่ดิน” ของประชากรพลเมืองทุกคนในสังคมสมัยใหม่
ซึ่งสอดคล้องกับ ทฤษฎีแห่งความมั่งคั่ง (Wealth) ของ ริคาร์โด นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ซึ่งมีแนวคิดบนพื้นฐานมนุษยนิยม ถือว่ามนุษย์เป็นศูนย์กลาง ความมั่งคั่งเกิดจากที่ดิน เพราะผู้คนเกือบทั้งหมดอยู่ในภาคการผลิตจากที่ดิน โดยมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดการผลิตได้แก่ ที่ดิน แรงงาน ทุน ผู้ประกอบการ และภูมิปัญญา
ต่อมาได้มีแนวคิดปัจเจกชนนิยมและสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 1 8 -19 ทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเป็นสิทธิตามธรรมชาติอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะกฎหมายให้อำนาจ
และในศตวรรษที่ 20 ได้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับการแทรกแซงของรัฐในการถือของที่ดิน ตามแนวความคิดของ Leon Duguit นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งปฏิเสธกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินว่าเป็นสิทธิตามธรรมชาติ แต่กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะต้องมีอยู่เพราะหน้าที่ตามสังคม ( Social Function) กล่าวคือ เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะใช้สอยเพื่อประโยชน์ของตนเองเท่านั้นหาได้ไม่ แต่ต้องปฏิบัติตามภาระที่มีอยู่ในสังคมด้วย หากไม่มีการใช้ประโยชน์และเพื่อประโยชน์สาธารณะแล้ว รัฐก็อาจแทรกแซงได้
ซึ่งจากแนวคิดนี้ทำให้มีการแก้ไขกฎหมายแพ่งเยอรมันในเรื่อง “สิทธิของผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นสิทธิที่ถูกจำกัดได้” โดยหลักกฎหมายไทยได้บัญญัติให้สอดคล้องกับหลักการนี้ว่าด้วยทรัพย์ตาม ปพพ. มาตรา 13335 1336
สำหรับประเทศไทยมีประวัติเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ กล่าวคือ ในสมัยสุโขทัย ราษฎรมีสิทธิเต็มที่ในทรัพย์สินของตนระหว่างราษฎรด้วยกันเอง แต่จะใช้ยันกับพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้ ส่วนในสมัยอยุธยา พระเจ้าแผ่นดินเป็นสมมติเทพ ที่ดินทั้งหมดเป็นของพระเจ้าแผ่นดิน และในสมัยรัตนโกสินทร์มีลักษณะเช่นเดียวกัน จนมาถึงสมัยปัจจุบันได้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดินเมื่อ พ.ศ. 2497 ที่ดินที่ประชาชนครอบครองอยู่ก่อนแล้วและได้ทำประโยชน์ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและออกหนังสือรับการทำประโยชน์ว่าทำไปแล้วเสร็จมากน้อยเท่าใด แล้วจึงออกโฉนดให้เป็นกรรมสิทธิ์
แนวคิดทฤษฎีมาตรการสากลของกรรมสิทธิ์ เชื่อว่าสิทธิในทรัพย์สินเป็นสิทธิโดยธรรมชาติ กล่าวคือ เราไปจับปลามาได้ เราก็คิดว่าเรามีสิทธิที่จะกิน หมายความว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์
นอกจากนี้ยังมี ปฏิญญาแห่งสิทธิมนุษยชน ในมาตรา 2 รองรับว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเป็นสิทธิของมนุษย์ และมาตรา 17 รองรับว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเป็นสิทธ์อันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะละเมิดมิได้ การละเมิดกรรมสิทธิ์จะกระทำมิได้ เว้นแต่ เพื่อประโยชน์แห่งสาธารณะ ตามที่กำหนดในกฎหมายและได้ชดใช้ค่าทำขวัญตามสมควรเสียก่อนแล้ว
หลักเกณฑ์ที่สำคัญของกรรมสิทธิ์ 1. สิทธิเด็ดขาด ( Absolute Right) เป็นสิทธิที่กฎหมายให้อำนาจแก่เจ้าของสิทธิที่เกี่ยวข้องกับบุคคล ทรัพย์ หรือ สิทธิ โดยกีดกันมิให้บุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ( เป็นสิทธิที่ใช้ยันบุคคลทุกคนในโลก) ทุกคนมีหน้าที่ต้องเคารพสิทธิเด็ดขาดนี้ กล่าวคือ เป็นทรัพยสิทธิ์ อันเป็นสิทธิเหนือทรัพย์ ซึ่งเกิดโดยผลของกฎหมายเท่านั้น
2. อำนาจหวงกัน ( Exclusive)
- เป็นการกระทำป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
- กระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย
-เป็นการกระทำเพื่อบำบัดป้องปัดภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะประโยชน์โดยฉุกเฉิน
- เพื่อปัดป้องภยันตราย ( Bileteral Free Area)
- เพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดยเหตุ
ฉุกเฉินเพราะตัวทรัพย์นั้นเองเป็นเหตุ
-ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตย์ของผู้อื่นที่เข้ามาทำความเสียหายในที่ของตน
3. ลักษณะถาวร ( Perpetual) กรรมสิทธิ์ต่างจากทรัพยสิทธิอย่างอื่นทั้งหลายที่มีลักษณะถาวร ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้สิ้นสุดไปโดยการเวลาโดยเจ้าของมิได้ใช้ ส่วนทรัพย์สินที่จำกัดตัดทอนกรรมสิทธิ์นั้นได้ก่อให้เกิดโดยกำหนดเวลาไว้ อย่างมากจะมีอยู่ได้เพียง 30 ปี หรือมิฉะนั้นก็อยู่ได้เพียงชั่วชีวิตของผู้ทรงสิทธินั้นเท่านั้น เช่นสิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน
ส่วนประเทศไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 41 รับรองว่า สิทธิบุคคลในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครอง ขอบเขตแห่งสิทธิและจำกัดสิทธิเช่นว่านี้ย่อมเป็นไปตามกฎหมายบัญญัติ และการสืบมรดกย่อมได้รับความคุ้มครอง สิทธิของบุคคลในการสืบมรดกย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ และมาตรา 42 รับรองว่า การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะกิจการของรัฐเพื่อการอันเป็นสาธารณูปโภค การอันจำเป็นในการป้องกันประเทศ การได้มาซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ การผังเมือง การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การพัฒนาการเกษตรหรือการอุตสาหกรรม การปฏิรูปที่ดิน การอนุรักษ์โบราณสถานและแหล่งทางประวัติศาสตร์ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น และต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรมภายในเวลาอันควรแก่เจ้าของตลอดจนผู้ทรงสิทธิบรรดาที่ได้รับความเสียหายจากการเวนคืนนั้น ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ
เจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิอย่างบ้างนั้น ตามหลักกฎหมายแพ่งมาตรา 1336 ซึ่งได้วางหลักสอดคล้องกับหลักสากล ให้เจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิใช้สอย สิทธิจำหน่าย สิทธิได้ซึ่งดอกผล สิทธิติดตามเอาคืน สิทธิที่จะขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้ามาเกี่ยวข้อง
และตามมาตรา 1335 หลักแดนกรรมสิทธิ์ โดยให้แดนกรรมสิทธิ์ที่ดินกินทั้งเหนือพื้นดินและใต้พื้นดิน กล่าวคือให้เจ้าของกรรมสิทิ์มีสิทธิเต็มที่ในอาณาบริเวณที่ดินของตนเหนือที่ดินขึ้นไปหรือใต้พื้นดินลงมา เว้นแต่จะถูกจำกัดโดยกฎหมาย ซึ่ง เจ้าของกรรมสิทธิ์อาจถูกจำกัดสิทธิ ซึ่งมีอยู่ 2 ทาง กล่าวคือ
โดยนิติกรรม คือการทำสัญญาตามหลักความศักดิ์สิทธิแห่งการแสดงเจตนา และหลักเสรีภาพในการทำสัญญา และอีกทางหนึ่งคือ โดยผลของกฎหมาย ซึ่งมีจุดมึ่งหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ ( Public Interest) เช่น การเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างถนนซึ่งบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 42 การใช้สอยถูกจำกัดโดยการจำนำ การได้ดอกผลถูกจำกัดสิทธิโยสินสมรส และโดยอายุความ กรณีเป็นหลักยกเว้นหลักถาวรของผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เช่น การแย่งการครอบครองปรปักษ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
มุมสำหรับเพื่อน ๆ แสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยน เติมเต็ม ติชม และแซว